Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/83938
Title: ผลของการฝึกพิลาทีสต่อสมรรถภาพปอดและความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวในสตรีวัยหมดประจำเดือน
Other Titles: Effects of pilates training on pulmonary functions and core muscles stability in menopausal women
Authors: อมรรัตน์ โรชา
Advisors: วรรณพร ทองตะโก
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
Issue Date: 2566
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฝึกพิลาทีสต่อสมรรถภาพปอดและความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวในสตรีวัยหมดประจำเดือน กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีวัยหมดประจำเดือน อายุ 45-59 ปี จำนวน 24 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 12 คน ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มทดลอง ได้รับการฝึกพิลาทีส ครั้งละ 60 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ และกลุ่มที่ 2 กลุ่มควบคุม ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ไม่ได้รับการฝึกใด ๆ โดยก่อนและหลังการทดลองผู้วิจัยทำการทดสอบตัวแปรด้านสรีรวิทยา ตัวแปรด้านสมรรถภาพปอด ตัวแปรด้านความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และตัวแปรด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ จากนั้นนำค่าที่ได้มาวิเคราะห์ผลทางสถิติ โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการทดลอง โดยการทดสอบค่าทีแบบรายคู่ (Paired t-test) และวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม โดยการทดสอบค่าทีแบบอิสระ (Independent t-test) ที่ระดับความมีนัยสำคัญที่ .05 ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง 6 สัปดาห์ กลุ่มฝึกพิลาทีสมีการเพิ่มขึ้นของค่าปริมาตรการหายใจปกติ (TV) ค่าปริมาตรสูงสุดของอากาศที่หายใจออกอย่างเร็วและแรงเต็มที่ (FVC) ค่าปริมาตรของอากาศที่ถูกขับออกในวินาทีแรกของการหายใจออกอย่างเร็วและแรงเต็มที่ (FEV1) ค่าปริมาตรของอากาศจากการหายใจเข้า-ออกเต็มที่ในเวลา 1 นาที (MVV) และค่าแรงดันการหายใจออกสูงสุด (MEP) แตกต่างกับก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับตัวแปรด้านความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว พบว่ากลุ่มฝึกพิลาทีส ค่า Trunk flexion test (TFT) ค่า Side-bridge test ข้างซ้าย (SBL) ค่า Side-bridge test ข้างขวา (SBR) ค่า Trunk extension test (TET) ค่า Plank test (PT) ค่า Curl-up test (CUT) และ ค่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง เพิ่มขึ้นแตกต่างกับก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปผลการวิจัย การฝึกพิลาทีสเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพปอด ความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจในสตรีวัยหมดประจำเดือนได้
Other Abstract: The purpose of this study was to determine the effects of pilates training on pulmonary functions and core muscles stability in menopausal women. Twenty-four menopausal women aged 45-59 years were randomized into 2 groups: control group (CON; n=12) and training group (TG; n=12). Participants in CON group had normal daily living and were not received training program. Those in TG group received complete three times a week of Pilates training program for six weeks (60 minutes/time). The physiological data, pulmonary functions, core muscles stability, and respiratory muscle strength variables were analyzed during the pre-test and post-test. The dependent variables between pre-test and post-test were analyzed using paired t-test. An independent t-test was used to compare the variables between groups. Differences were considered to be significant at p < .05. The results indicated that after six weeks, in the TG group had significantly higher in TV, FVC, FEV1, MVV MIP, and MEP than pre-test and the CON group (p < .05). In addition, the TG group increased significantly in core muscles stability variables such as trunk flexion test, side bridge test, trunk extension test, plank test, curl-up test and back strength compared to pre-test and the CON group (p<.05). In conclusion, the present finding demonstrated that the pilates training program improved pulmonary functions, core muscles stability and respiratory muscle strength in menopausal women.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2566
Degree Name: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย
URI: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/83938
Type: Thesis
Appears in Collections:Spt - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6470033639.pdf8.12 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.