1. CUIR at Chulalongkorn University
  2. Faculty and Institute
  3. Graduate School - Grad
  4. Grad - Theses
Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/48376
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorวชิราพร อัจฉริยโกศล-
dc.contributor.authorสราณีย์ ดุลยกนิษฐ-
dc.contributor.otherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย-
dc.date.accessioned2016-06-08T23:00:40Z-
dc.date.available2016-06-08T23:00:40Z-
dc.date.issued2531-
dc.identifier.isbn9745696366-
dc.identifier.urihttp://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/48376-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531en_US
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนตาบอดชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากเทปเสียงสารคดีที่มีและไม่มีเสียงประกอบ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเป็นนักเรียนตาบอดชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2531 ของโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพและโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 28 คน แบ่งกลุ่มทดลอง 2 กลุ่ม ๆ ละ 14 คน โดยใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย ในภาคการศึกษาปลาย ปีการศึกษา 2530 ในการแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นเทปเสียงสารคดี 2 แบบ คือ แบบที่มีเสียงประกอบและแบบที่ไม่มีเสียงประกอบ สารคดีที่เสนอทั้ง 2 แบบนี้มีทั้งหมด 4 เรื่อง ก่อนการทดลองแต่ละเรื่อง ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบก่อนการทดลอง จากนั้นจัดกลุ่ม 1 เข้าฟังเทปเสียงสารคดีที่มีเสียงประกอบ และกลุ่ม 2 เข้าฟังเทปเสียงสารคดีที่ไม่มีเสียงประกอบ ผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการฟังเทปทันที นำคะแนนเพิ่ม (Gain Scores) ของนักเรียนมาวิเคราะห์ทางสถิติด้วยการทดสอบค่าที (t – test) ผลการวิจัยสรุปได้ว่า นักเรียนที่เรียนด้วยการฟังเทปเสียงสารคดีที่มีเสียงประกอบ และนักเรียนที่เรียนด้วยการฟังเทปเสียงสารคดีที่ไม่มีเสียงประกอบ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05en_US
dc.description.abstractalternativeThis study was to compare the learning achievement of Prathom Suksa Three blind students through documentary audio tape with and without sound effects. The subjects were twenty-eight prathom suksa three blind students of Bangkok School for the Blind and Chiangmai School for the Blind. They were divided into two groups (14 each) by the students’ learning achievement in Thai subject in the academic year of 1987. The materials used in this study were four documentary audio tapes with and without sound effects. At the first step, each experimental group took a pre-test. One of the experimental groups was randomly assigned to listen to documentary audio tape with sound effects. The other was, then, assigned to listen to the documentary audio tape without sound effects. After that, a post – test was administered. The gain scores were analized by means of t – test. The result of the study indicated that there was no statistically significant difference between the subjects studied through the documentary audio tape with and without sound effects at the level of 0.05.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.rightsจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.subjectผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนen_US
dc.subjectเด็กตาบอดen_US
dc.subjectเด็กที่มีความบกพร่องทางสายตาen_US
dc.titleการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนตาบอด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากเทปเสียงสารคดีที่มีและไม่มีเสียงประกอบen_US
dc.title.alternativeA comparison of learning achievement of prathom suksa three blind students through documentary audio tape with and without sound effectsen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameครุศาสตรมหาบัณฑิตen_US
dc.degree.levelปริญญาโทen_US
dc.degree.disciplineโสตทัศนศึกษาen_US
dc.degree.grantorจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยen_US
dc.email.advisorVachiraporn.A@Chula.ac.th-
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Saranee_du_front.pdf6.33 MBAdobe PDFView/Open
Saranee_du_ch1.pdf4.18 MBAdobe PDFView/Open
Saranee_du_ch2.pdf9.1 MBAdobe PDFView/Open
Saranee_du_ch3.pdf4.82 MBAdobe PDFView/Open
Saranee_du_ch4.pdf2.39 MBAdobe PDFView/Open
Saranee_du_ch5.pdf4.45 MBAdobe PDFView/Open
Saranee_du_back.pdf3.47 MBAdobe PDFView/Open
Show simple item record


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.